ในทศวรรษที่ผ่านมา นักเขียนชาวไทยที่มีชื่อเสียงหลายคนได้สร้างสรรค์งานวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าซึ่งมีอิทธิพลต่อผู้อ่านและสังคม ผลงานในตำนานของพวกเขายังคงอยู่ในการรับรู้ของสาธารณชน กระตุ้นความคิด สร้างความเพลิดเพลิน สร้างแรงบันดาลใจ และเปิดโลกทัศน์ของเรา

หนึ่งสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ ประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของวรรณคดีไทย ในปี พ.ศ. 2556 กรุงเทพมหานครได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของ UNESCO World Book ที่ได้รับการยอมรับในด้านการส่งเสริมคุณแภาพของแนวคิดงานเขียนและการอ่าน ตั้งแต่นักเขียนนวนิยายที่มีชื่อเสียงไปจนถึงนักเขียนหน้าใหม่ของวงการ ประเทศไทยมีวรรณกรรมมากมายที่น่าอ่านและน่าสนใจ ในบทความนี้ เราได้รวบรวมสุดยอดนักเขียนที่จัดได้ว่าเป็นตำนานแห่งวงการ

เสนีย์ เสาวพงศ์

นักเขียนผู้ล่วงลับ นอกจากการเขียนแล้ว เขายังเป็นนักการทูตและนักข่าวอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2533 เขาได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรม นวนิยายที่โดดเด่นที่สุดเล่มหนึ่ง “ปีศาจ” ซึ่งได้ับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2500 “ปีศาจ” เป็นเรื่องราวที่วิพากษ์วิจารณ์ค่านิยมแบบดั้งเดิมและระบบศักดินาที่ฝังรากในสังคมไทย บอกเล่าผ่านมุมมองของตัวละครหลักที่ชื่อรัชนีและสายสีมา ซึ่งเป็นตัวแทนของคนไทยยุคใหม่ ผลงานหลายชิ้นของเสนีย์มักเป็นแนวท้าทายสิ่งที่ถือเป็นเรื่องปกติในสังคมไทย ดังนั้น เขาจึงถูกมองว่าเป็นผู้บุกเบิกคนหนึ่ง

ปราบดา หยุ่น

มีชื่อเสียงในด้านการทำทุกสิ่งตั้งแต่การเขียนไปจนถึงการแปล และไปจนถึงการออกแบบกราฟิกและอีกมากมาย เมื่ออายุ 29 ปี หยุ่นได้รับรางวัลกวีซีไรท์สำหรับคอลเลคชันเรื่องสั้นชื่อ 'The Sad Part Was' ในฐานะนักแปลที่เก่งกาจ เขาทำงานเกี่ยวกับวรรณกรรมที่เป็นสัญลักษณ์ เช่น 'Lolita' ของ Vladimir Nabokov และ 'A Clockwork Orange' ของ Anthony Burgess ด้วย

รงศ์ วงษ์สวรรค์

หรือที่รู้จักกันในนาม “อินทรีผู้ยิ่งใหญ่” แห่งวงการวรรณกรรมไทยในท้องถิ่น เขาได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติในปี พ.ศ.2538 วรรณกรรมเชิงการค้าของเขามีตั้งแต่เรื่องสั้น นวนิยาย บทความหนังสือพิมพ์และนิตยสาร เรียงความ และสารคดี ไปจนถึงบทภาพยนตร์ เขาเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากแต่งเพลง “ป่าคอนกรีต” ซึ่งเป็นการเสียดสีเกี่ยวกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาในช่วงยุคทองของพวกฮิปปี นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีจากรูปแบบวรรณกรรมนอกรีต และการละเมิดกฎของไวยากรณ์ภาษาไทย

ศรีฟ้า ลดาวัลย์

เป็นหนึ่งในนามปากกาของ ม.ล. ศรีฟ้า มหาวัน ชื่ออื่น ๆ ได้แก่ “สีฟ้า” และ “ชุลดา ภักดีภูมิ” เธอได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติในปี พ.ศ. 2539 นวนิยายหลายเล่มของเธอพรรณนาถึงความอัปยศและการตำหนิทางสังคมโดยไม่ต้องตัดสิน และยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์อีกด้วย นวนิยายที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดของเธอคือ “ขมิ้นกับปูน” ซึ่งแสดงถึงการต่อสู้ดิ้นรนของชนชั้นปกครองในช่วงหลังการปฏิวัติสยามปี พ.ศ. 2475 ที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่สอง

กนกพงษ์ ทรงสมพันธ์

นักวรรณกรรมผู้มีชื่อเสียงจากเรื่องสั้นชื่อ “ปานดินอุ่น” เขาได้รับรางวัลกวีซีไรท์ปี พ.ศ. 2539 เรื่องราวส่วนใหญ่สะท้อนชีวิตและวัฒนธรรมภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ในปีถัดมา เขาก็ได้รับรางวัล “ช่อการะเกด” สำหรับเรื่องสั้น 2 เรื่องคือ “สะพานหัก” และ “โลกใบเล็กของซัลมาน”

นักเขียนเหล่านี้ สะท้อนมุมมองต่อยุคสมัยของสังคมไทยได้อย่างเห็นภาพและลึกซึ้ง หากต้องการทราบวิถีความเป็นอยู่ แนวคิด วัฒนธรรมของคนไทยแต่ละยุคสมัย ขอแนะนำให้หามาอ่านสักเล่ม