แม้ว่าจะเป็นอยู่ในคาบสมุทรเดียวกัน แต่ทั้งสองประเทศนี้กลับมีขั้วที่ต่างกัน
เกาหลีเคยเป็นประเทศเดียวกัน เกาหลีถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลังสงครามเกาหลีในปี พ.ศ.2493 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อญี่ปุ่นยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตรและถอนกำลังออกจากเกาหลี สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียตตกลงที่จะแบ่งแยกเกาหลีโดยที่สหรัฐอเมริกายึดครองทางตอนใต้และสหภาพโซเวียตทางตอนเหนือ เกาหลีถูกแบ่งแยกตามอุดมการณ์ทางการเมือง โดยที่ภาคเหนือสนับสนุนอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ของสหภาพโซเวียต ฝ่ายใต้มีแนวโน้มไปทางรูปแบบสาธารณรัฐประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกามากกว่า หลังจาก 70 ปีผ่านไป ทั้งสองประเทศได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในขณะที่ฝ่ายหนึ่งกำลังเร่งรุดในการพัฒนาประเทศ อีกฝั่งหนึ่งก็พยายามที่จะอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมของและให้ประชาชนมีความสำนึกในประเพณีดังกล่าว ความแตกต่างที่เห็นได้เด่นชัดที่สุดคือรูปแบบการปกครองของรัฐบาลและการทหาร นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างทางวัฒนธรรมเล็กน้อยที่ผู้คนในเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือสามารถสังเกตเห็นได้ ดังที่จะนำเสนอบางส่วน
เสื้อผ้า
แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีวัฒนธรรมร่วมกัน แต่ในเรื่องของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายนั้นมีความต่างกัน ในเกาหลีเหนือ ผู้คนส่วนใหญ่จะสวมชุดแบบดั้งเดิม ส่วนเกาหลีใต้เป็นศูนย์กลางของแฟชั่นจากทั่วโลก เป็นที่รู้จักจากแนวเสื้อผ้าสไตล์ตะวันตกที่ทันสมัยและเป็นที่นิยมอย่างมากเกี่ยวกับแฟชั่น ในทางกลับกัน เกาหลีเหนือได้สั่งห้ามกางเกงยีนส์สกินนี่และกระโปรงสั้น และให้ความสำคัญกับชุดของพวกเขามาก
ลำดับชั้น
เนื่องจากเกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการ กฎและข้อบังคับจึงเข้มงวดมาก ซึ่งภายใต้กฎนั้น มีระบบลำดับชั้นที่เหมาะสมที่เรียกว่าระบบวรรณะซองบุน ระบบนี้แบ่งออกเป็นสามประเภทหลักและ 51 ระดับโดยเริ่มจากผู้นำสูงสุดและครอบครัวของ รองลงมาคือระดับ "อาชญากร" ในขณะที่เกาหลีใต้ แม้จะยังมีลำดับชั้นอยู่ แต่เป็นแบบเสรีนิยม ซึ่งแสดงความเคารพอย่างสูงต่อผู้อาวุโสและผู้มีตำแหน่งในองค์กรที่สูงกว่า เป็นลำดับชั้นที่มาพร้อมกับคุณธรรมที่เอื้อให้บุคคลได้รับการศึกษาและการพัฒนาเพื่อก้าวหน้าผ่านตำแหน่งตามลำดับชั้นขององค์กรเช่นเดียวกับประเทศประชาธิปไตยอื่นๆ
ปัจเจกนิยม
ปัจเจกนิยมแทบไม่มีความสำคัญในกรณีของเกาหลีเหนือ เพราะพวกเขาเชื่อในการทำงานร่วมกัน สิ่งใดก็ตามที่ทำเพื่อรัฐบาลเป็นที่ชื่นชม ในขณะที่สิ่งใด ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน หากไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง แม้แต่การสวมเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสซ่ึ่งต่างจากคนอื่นที่อาจจะใส่เสื้อสีพื้น ๆ ก็อาจทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ได้ ในขณะที่คนเกาหลีใต้มีความสามัคคีกันแต่ให้ความสำคัญกับปัจเจกนิยมมากกว่า เช่น ถ้ามีคนที่ชื่นชอบในทางดนตรี ก็เป็นทางเลือกในอาชีพการงาน หรือลองทำอะไรที่แปลกใหม่ก็เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมเสมอ
ภาษา
ทั้งเกาหลีเหนือและใต้พูดภาษาเกาหลีดั้งเดิมของพวกเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีการเปลี่ยนแปลงจนมีบางคำที่ใช้เฉพาะแค่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แม้ว่าไวยากรณ์จะยังเหมือนเดิม แต่เกือบหนึ่งในสามของคำแตกต่างกัน ชาวเกาหลีเหนือใช้รูปแบบดั้งเดิมของภาษาเกาหลีและไม่ใช้คำทับศัพท์ภาษาอังกฤษอื่น ๆ ในขณะที่ชาวเกาหลีใต้มีความยืดหยุ่นทางภาษาที่สูง และยังได้รับอิทธิพลจากส่วนตะวันตกของโลกด้วยเช่นกัน